Thursday, February 11, 2021

(ตอนที่ 3) สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการอ่านหนังสือ Money 101 เริ่มต้นนับหนึ่งสู่ชีวิตการเงินอุดมสุข

 ความเดิมตอนที่แล้ว:



หน้าปกหนังสือ Money 101

สั่งซื้อได้ที่ SE-ED

21. เมื่อมีรายได้ต้องยื่นภาษี ซึ่งตามกฎหมายแบ่งรายได้เป็น 8 ประเภท ได้แก่

21.1 เงินเดือน/โบนัส

21.2 ค่าจ้างทั่วไป

21.3 ค่าลิขสิทธิ์

21.4 ดอกเบี้ยและเงินปันผล

21.5 ค่าเช่า

21.6 ค่าวิชาชีพอิสระ

21.7 ค่ารับเหมา

21.8 อื่น ๆ

22. การคำนวณภาษีมี 2 แบบ คำนวณแบบไหนแล้วมีเงินภาษีที่ต้องจ่ายมากกว่าจะใช้แบบนั้น

22.1 วิธีเงินได้สุทธิ ใช้กับเงินได้ทุกประเภท

22.8 วิธีเงินได้พึงประเมิน ใช้กับเงินได้ประเภทที่ 2–8 เท่านั้น

23. เงินได้สุทธิ = เงินได้พึงประเมิน — ค่าใช้จ่าย — ค่าลดหย่อน

24. นำเงินได้สุทธิไปคำนวณภาษีที่ต้องจ่ายตามอัตราที่กำหนด เช่น เงินได้สุทธิ 180,000 บาท จะแยกเป็น ขั้นแรก 150,000 บาทแรกได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสีย ที่เหลืออีก 30,000 บาท อยู่ในขั้นที่สอง เสียภาษีร้อยละ 5 คิดเป็นภาษี = 1,500 บาท

25. สำหรับผู้ที่มีรายได้ทางอื่นนอกจากเงินเดือน จะมีวิธีคำนวณอีกแบบนึงมาเปรียบเทียบ คือ วิธีเงินได้พึงประเมิน โดยภาษีจากวิธีนี้จะใช้เงินได้พึงประเมิน x 0.5%

26. วางแผนประหยัดภาษี ด้วยการ

26.1 ลดรายได้ เช่น การตั้งบริษัท หรือ จดทะเบียนนิติบุคคลมากระจายการรับรายได้ จะทำให้อัตราภาษีต่ำลง

26.2 เพิ่มรายจ่าย คือ การเลือกประเภทของเงินได้ให้เหมาะสม ที่จะทำให้เพิ่มสิทธิ์ในการหักค่าใช้จ่ายได้สูงขึ้น

26.3 เพิ่มค่าลดหย่อน ใช้สิทธิ์ในการลดหย่อนต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด

27. วางเป้าหมายเกษียณ มี 2 แบบ

27.1 เกษียณเร็ว คือ มีอิสระทางการเงิน

27.2 เกษียณรวย คือ มีเงินเพียงพอใช้จ่ายหลังเกษียณ

28. คำนวณทุนเกษียณที่ต้องการ

28.1 ประเมินรายจ่ายหลังเกษียณ

28.2 ปรับทุนเกษียณต่อเดือนด้วยผลกระทบจากเงินเฟ้อ

29. ประเมินแหล่งรายได้หลังเกษียณ เช่น บำนาญ / เงินประกันสังคม เป็นข้อมูลในการวางแผนออมและลงทุน เพื่อเติมทุนเกษียณส่วนที่ขาด

30. ปัจจัยสำคัญต่อการลงทุนเพื่อสร้างแผนเกษียณ

30.1 เงินออมลงทุนสม่ำเสมอ

30.2 ผลตอบแทนจากการลงทุนที่จะได้รับ

30.3 ระยะเวลาในการลงทุน

No comments:

Post a Comment